เตรียมพบกับการเดินทางครั้งสุดท้ายของนักรบเดนตาย
จอห์น แรมโบ้
“Rambo: Last Blood”

 

แรมโบ้ หรือชื่อจริงของเขา “จอห์น เจมส์ แรมโบ้” เป็นตัวละครที่พวกเราทุกคนต่างรู้จักกันดีจากไฟรนไชส์ภาพยนตร์แอคชั่น Rambo (หรือในชื่อไทย นักรบเดนตาย) ที่มีมาแล้วด้วยกันถึง 5 ภาค ตั้งแต่ปี 1982 จนถึง 2019 ประกอบไปด้วย “First Blood”, “Rambo: First Blood Part II”, “Rambo III”, “Rambo” และล่าสุด “Rambo: Last Blood” ที่มีกำหนดฉายตั้งแต่วันที่ 19 กันยายนที่ผ่านมา

แรมโบ้ เกิดในวันที่ 6 กรกฏาคม 1947 อดีตทหารหน่วยรบพิเศษกรีนเบอเรต์ที่ได้ผ่านความโหดร้ายในสมรภูมิของสงครามเวียดนามมาแล้ว ซึ่งการเป็นสมาชิกในหน่วยนี้หมายความว่า เขาจะต้องผ่านการฝึกฝนทักษะการสู้รบเเละเอาตัวรอดรอบด้าน ทั้งฝึกกระโดดร่ม การปีนเขา ยิงธนู  ขี่ม้า ฝึกการรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉิน รวมถึงการพรางตัวเพื่อหลบซ่อนจากข้าศึก

กรีนเบอเรต์เป็นหน่วยรบที่ทางสหรัฐฯ นิยมใช้ในการทำสงครามที่อยู่นอกตำราปกติ พวกเขาเชี่ยวชาญในด้านการแทรกซึมเข้าไปยังภูมิประเทศต่าง ๆ และใช้ยุทธวิธีแบบกองโจรเพื่อหาข้อมูลก่อนที่จะเริ่มเปิดสงครามเต็มรูปแบบ ซึ่งแตกต่างจากหน่วยรบพิเศษเดลต้าฟอร์ซที่มีหน้าที่ในทางสู้รบทางตรง แต่นอกจากการเป็นสมาชิกของหน่วยกรีนเบอเรต์แล้ว ตามคำบอกเล่าของนายพันเทราท์แมน ผู้เป็นทั้งเพื่อนและอดีตผู้บังคับบัญชาการของเขา แรมโบ้คือทหารที่เก่งกาจที่สุดในหน่วยนั้น เขาเป็นนักรบ และเขาถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเป็นเครื่องจักรสังหาร

ด้วยเหตุนี้เอง แรมโบ้จึงได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติภารกิจนอกประเทศอยู่บ่อยครั้ง ใน “Rambo: First Blood Part II” เขาได้พบและร่วมมือกับนักรบในพื้นที่ โค และร่วมปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือเชลยสงครามในประเทศเวียดนาม ใน “Rambo III” เขาได้ร่วมมือกับกองกำลังปลดปล่อยในประเทศอัฟกานิสถานเพื่อช่วยเหลือเพื่อนของเขา เทราท์แมน ที่ถูกจับ และใน “Rambo” เขาได้ร่วมมือกับกลุ่มทหารรับจ้างเพื่อช่วยเหลือซาร่าห์ และกลุ่มผู้เผยแพร่ศาสนาในประเทศพม่า การสู้รบของเขาไม่เคยมีแบบแผน เขาคือนักรบที่สามารถรับมือได้กับสถานการณ์ทุกรูปแบบ แทรกซึมไปได้ทุกที่ เชี่ยวชาญการใช้อาวุธทุกขนาน แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะเป็นนักรบที่ไร้เทียมทาน เพราะนักรบทุกคนย่อมเคยมีบาดแผล

ในช่วงที่แรมโบ้ยังคงปฏิบัติการอยู่ในหน่วยรบพิเศษกรีนเบอเรต์ เขาถูกจับเป็นเชลยสงครามในเวียดนามและโดนทรมานด้วยวิธีการต่าง ๆ นา ๆ จนทำให้เขากลายเป็นบุคคลที่มีบาดแผลภายในจิตใจเพราะเหตุรุนแรง หรือที่เราเรียกกันว่าโรค PTSD (Post-traumatic stress disorder) โรคชนิดนี้สามารถพบได้มากในหมู่ทหารผ่านศึก แม้ว่าร่างกายของพวกเขาจะไม่ได้อยู่ที่สนามรบ จิตใจของพวกเขาก็ไม่เคยออกมาจากสถานที่แห่งนั้น บางคนหายจากโรคนี้หลังได้รับการรักษาเพียงหกเดือน ในขณะที่บางคนจะมีอาการของโรคนี้ไปตลอดชีวิต และหนึ่งในผู้โชคร้ายที่ต้องอยู่กับโรคนี้ไปจนตลอดชีวิตก็คือ จอห์น แรมโบ้

สำหรับใน “Rambo: Last Blood” นี้ ถึงแม้ว่าแรมโบ้จะไม่ได้ปฏิบัติภารกิจให้กับประเทศของเขาอีกต่อไปแล้ว เพื่อนของเขาเทราท์แมนก็เสียชีวิตไปแล้ว (ในระหว่างภาค 3 และภาค 4) และเขาก็ได้กลับมายังบ้านของเขาในรัฐอริโซนามาแล้ว 10 ปี จิตใจของเขาก็ยังคงอยู่ในสนามรบแห่งนั้น อาการของเขาไม่เคยดีขึ้น เขายังคงต้องข่มมันไว้ทุกวันด้วยการใช้ยา แต่สิ่งหนึ่งที่พวกเราไม่เคยมีโอกาสได้เห็นมาก่อนจนกระทั่งมาถึงในภาคนี้ก็คือ “ครอบครัว” ตลอดช่วงเวลาที่เขาอยู่บ้านหลังนั้น เขาได้อยู่ดูการเจริญเติบโตของ แกเบรียลล่า หลานสาวของมาเรียที่เป็นผู้ดูแลคนในตระกูลแรมโบ้มาตั้งแต่รุ่นที่แล้ว เธอเป็นเด็กสาวที่สูญเสียแม่ พ่อที่ยังมีชีวิตอยู่ก็ได้ทอดทิ้งเธอไปหลังจากที่ทำร้ายเธอ เธอเติบโตขึ้นมาพร้อมกับมาเรียและแรมโบ้ พวกเขาช่วยชุบเลี้ยงเธอขึ้นมาตั้งแต่เธอยังเป็นเด็ก เพราะฉะนั้นแกเบรียลล่าจึงเป็นเสมือนตัวแทนของความบริสุทธิ์ที่ยังคงเหลืออยู่บนโลกนี้สำหรับแรมโบ้

ทว่า ในวันหนึ่งแสงสว่างหนึ่งเดียวของแรมโบ้ก็ได้ถูกพรากจากเขาไป มัจจุราชที่ได้หลับไหลมากว่าทศวรรษจึงถูกปลุกขึ้นมาอีกครั้ง และก็จะไม่มีใครมาหยุดการชำระแค้นของเขาได้

“แรมโบ้พยายามหาสถานที่สุดท้ายสำหรับการเดินทางของเขา” ซิลเวสเตอร์ สตอลโลน กล่าว “เขารู้ว่าหน้าที่ของเขาก็คือการปกป้องครอบครัวที่เขามี มันเป็นสิ่งเดียวที่เขาเชี่ยวชาญ แต่แรมโบ้ก็รู้ตัวเองดีว่าถ้าเขาฝืนเกินไป เขาก็จะกลับกลายเป็นตัวเขาในอดีตอีกครั้ง ซึ่งมันเป็นสิ่งสุดท้ายที่เขาอยากจะเป็น เขารู้ดีว่าถ้าเขาถูกพรากสิ่งที่เขารักที่สุดไป เขาก็จะทำให้ผู้คนเหล่านั้นต้องชดใช้ เจ็บปวด และตายเพื่อชดใช้ความผิด”

พบกับภารกิจสุดท้ายของนักรบเดนตาย “Rambo: Last Blood แรมโบ้ 5 : นักรบคนสุดท้าย”  ได้แล้ววันนี้ ทุกโรงภาพยนตร์