‘ไท-เมเจอร์’ เปิดประเดิมหนังใหม่ “บอสฉัน..ขยันเชือด” พร้อม 5 ดาราดัง

“ก้อง สหรัถ” ประกบ 2 นางเอก 2 ค่าย “ไอซ์-มุกดา”

 

 “บอสฉัน ขยันเชือด” ภาพยนตร์ใหม่เรื่องแรก จากค่าย “ไท-เมเจอร์” นำทีมโดย ‘วิสูตร พูลวรลักษณ์’ ในบทบาท CEO และ ‘วิศรุต พูลวรลักษณ์’ ผู้อำนวยการ บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) พร้อมทีมนักแสดงนำ อาทิ “ก้อง-สหรัถ สังคปรีชา, ไอซ์-ปรีชญา พงษ์ธนานิกร, มุกดา นรินทร์รักษ์ ร่วมด้วย โอ๊ต-ปราโมทย์ ปาทาน, เผือก-พงศธร จงวิลาส, ผักกาด-พอวิไล อภิรัชฎาพร, นอท-สัณหณัฐ ทิราชีพ เรื่องราวของแก๊งหนุ่มสาวชาวออฟฟิศที่อยู่ๆ ก็ไปแอบล่วงรู้ความลับของเจ้านายตนเอง (ก้อง สหรัถ) รับบท คุณต้น ซึ่งความลับของเขามันเกี่ยวข้องกับฆาตกรต่อเนื่อง! แล้วจะอยู่เฉย ได้อย่างไร เมื่อออฟฟิศลุกเป็นไฟ ปฏิบัติการขุดคุ้ยอดีตและสืบหาความลับอันแสนระทึกที่มาพร้อมกับ ความสนุก ความปั่นป่วนและเสียงหัวเราะจึงได้เกิดขึ้น ภาพยนตร์เรื่องนี้ยังได้สองผู้กำกับน้ำดี อย่าง ศรณ์พัฒน์ ปราการะนันท์ และ ภูวนิตย์ ผลดี 2 มือเขียนบทมือดีที่มีผลงานจาก “แอปวอร์..แอปชนแอป” มาแล้ว ภาพยนตร์เรื่องนี้ เป็นภาพยนตร์แนวดราม่า-คอมเมดี้ โดยคาแรคเตอร์ของนักแสดงแต่ละคน ถูกเขียนขึ้นให้ดูน่าสนใจ มีมุมและประเด็นในการเล่าเรื่องที่แตกต่างกัน ซึ่งแต่ละคนก็จะมีจุดเด่นของตัวเอง ตัวละครทุกตัวจะถูกเชื่อมโยงความสัมพันธ์ จนเกิดความอลม่านในการสืบหาความจริง

สำหรับบทคุณต้น นำแสดงโดย (ก้อง) สหรัถ สังคปรีชา เรามักคุ้นชินผู้ชายคนนี้ในลุคผู้ชายอบอุ่น มีความเป็นสุภาพบุรุษ สุขุม หรือในมาดของนักร้องสุดคลู เสียงนุ่ม แต่ครั้งนี้เราจะได้เห็นอีกบทบาทหนึ่ง ของเขากับการรับบทเป็นประธานบริหารวัย 40 ปี ผู้สืบทอดธุรกิจโรงงานผลิตเสื้อยืด ตรานกกระทาคู่ ชีวิตส่วนตัวของเขาตกเป็นเป้าสนใจของเหล่าพนักงานในออฟฟิศ โดยเฉพาะกับสาวๆ ด้วยความหน้านิ่ง และอารมณ์ขันแบบแปลกๆ แต่ภายใต้ภาพลักษณ์สุดเท่ห์ ดูดีขนาดนั้น เขามีความลับบางอย่างซ่อนอยู่ จนถูกกล่าวหาว่าเป็นฆาตกรต่อเนื่อง! ด้วยหลักฐานต่างๆ ที่ปรากฏขึ้น ทำให้สาวๆ ในออฟฟิศปักใจเชื่อว่าเขาคือฆาตกร! ต่อกันด้วย นักแสดงสาวเจ้าแม่ภาพยนตร์ 100 ล้าน ขึ้นแท่นเบอร์ 1 แนวคอมเมดี้ ที่ไม่ว่าจะในจอภาพยนตร์หรือในโทรทัศน์ ดาราสาวคนนี้เธอก็มีเสน่ห์ดึงดูดตลอดเวลา (ไอซ์) ปรีชญา พงษ์ธนานิกร กับบทบาทของ โบกี้ สาวสวยแห่งแผนกพีอาร์ อดีตเพื่อนซี้วัยเรียนของเมษาที่ปัจจุบันกลายเป็นคู่อริ เคยจับมือกันทำยูทูปแชนแนลสืบคดีแปลกๆ ในโรงเรียน แต่ก็แตกหักกันไป จู่ๆ ก็กลับมาเจอกันด้วยความบังเอิญ

เพราะทำงานที่เดียวกัน ความอลม่านชวนขนลุกจึงเกิดขึ้น จนทำให้เธอถูกดึงเข้าไปช่วยสืบหาความจริงเกี่ยวกับการหาตัวฆาตกรต่อเนื่องไปโดยปริยาย งานนี้เพื่อนที่เคยซี้อย่าง เมษา จึงทุ่มสุดตัว เพื่อสืบหาความจริงให้ได้ เพราะเป็นเรื่องที่ถนัดมากกว่าการทำงานเสียอีก นำแสดงโดย (มุกดา) มุกดา นรินทร์รักษ์ กับการพลิกบทบาทครั้งแรกในชีวิต จากนางเอกจอแก้วสู่นักแสดงนำจอเงิน ภาพยนตร์เรื่องแรกของเธอ เมื่อเจ้าตัวต้องแสดงเป็นสาวแบ๊วประจำออฟฟิศของแผนกจัดซื้อ ที่หมดไฟในการทำงาน เธอคอยมองหาความตื่นเต้นอะไรก็ได้ที่ไม่เกี่ยวกับงาน เพราะถ้าจะให้พูดถึงช่วงพีคที่สุดของเธอก็คงต้องย้อนไปถึงตอนเรียนมัธยมโน่น ในฐานะหนึ่งในคู่หู-เจ้าของยูทูปแชนแนลที่มีผู้ติดตามถึงหลักหมื่น แต่ทุกอย่างมันจบไปนานแล้ว เพราะเธอดันไปแตกคอกับเพื่อนสนิท ที่เธอไม่เคยคิดจะหวนกลับไปคืนดีด้วยในชาตินี้ แต่เรื่องราวบางอย่างในออฟฟิศกลับพาให้เธอและโบกี้ต้องกลับมาร่วมมือกันอีกครั้ง

บทสรุปของเรื่องนี้จะลงเอยอย่างไร คุณต้น บอสใหญ่ของบริษัทจะใช่ฆาตกรต่อเนื่องที่ โบกี้ และเมษา สงสัยหรือไม่ มาร่วมลุ้นกันกับเรื่องราวความเข้มข้นในการสืบหาความจริงจะสนุกสนานแค่ไหน ต้องไปดู “บอสฉัน ขยันเชือดเข้าฉาย 1 เมษายนนี้ พร้อมกันทุกโรงภาพยนตร์

(ก้อง) สหรัถ สังคปรีชา รับบท คุณต้น

Kong

ส่วนใหญ่คนมักคุ้นชินกับคาแรคเตอร์ชายคนนี้ในมาดชายผู้แข็งแกร่ง โดดเดี่ยว หรือในมาดนักร้องสุดคลู แต่ครั้งนี้อาจจะเปลี่ยนไปเมื่อ ก้อง-สหรัถ สังคปรีชา ในบท คุณต้น ประธานบริหารวัย 40 ปี ผู้สืบทอดธุรกิจโรงงานผลิตเสื้อยืด ‘บริษัท นกกระทาคู่’ ชีวิตส่วนตัวของเขามักตกเป็นเป้าสนใจของเหล่าพนักงานในออฟฟิศ โดยเฉพาะกับสาวๆ ด้วยความหน้านิ่งและอารมณ์ขันแบบแปลกๆ ของเขา แต่ภายใต้ภาพลักษณ์สุดเท่ห์ ดูดีขนาดนั้น มีความลับบางอย่างซ่อนอยู่ ความลับที่คนอย่างเขาพยายามกดเก็บซ่อนมันเอาไว้ไม่ให้ใครรู้ ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้มันถูกเปลี่ยนไปจากคนที่เคยร่าเริง สดใส กลายเป็นคนเหม่อลอย เฉยชา  กลายเป็นปริศนาที่เขาต้องหาคำตอบ บุคลิกที่เปลี่ยนไปทำให้เหล่าพนักงานในออฟฟิศเริ่มจับตามองว่า ‘บอส’ ของเขาคือฆาตกร โดยมีข้อสันนิษฐานและหลักฐานบางอย่างที่ตรงกับตัวของคุณต้น  โดยเจ้าตัวเผยว่าภาพยนตร์เรื่องนี้มีหลากอารมณ์รวมถึงฉากบู๊แอคชั่นต่างๆที่ถือว่าเป็นบทที่ท้าทายและเชื่อว่าผู้ชมจะได้เห็นมุมใหม่ๆ ของตัวละครนี้ แต่บทสรุปของการถูกกล่าวหาว่าเป็นฆาตกรจะถูกเปิดเผยอย่างไร…และถ้าบอสต้นไม่ได้เป็นคนฆ่า สังคมจะรับผิดชอบกับบอสต้นอย่างไร!

(ไอซ์) ปรีชญา พงษ์ธนานิกร รับบท โบกี้

Ice

นักแสดงสาวเจ้าแม่ภาพยนตร์คอมเมดี้ ที่ไม่ว่าจะในจอภาพยนตร์หรือในรายการทีวี ดาราสาวคนนี้ ก็มักจะมาด้วยมาดของสาวใสที่มีเสน่ห์ดึงดูด และนับว่าเป็นอีกหนึ่งนางเอกที่ฝีมือการแสดงเป็นธรรมชาติ จนกลายเป็นเสน่ห์เฉพาะตัว และแจ้งเกิดจากภาพยนตร์ดังทั้งแนวโรแมนติก ดราม่า และ คอเมดี้ สำหรับไอซ์-ปรีชญา กับบทบาทของ โบกี้ สาวสวยแห่งแผนกพีอาร์ ที่มีนิสัยส่วนตัวเป็นคนจริงจังกับการทำงาน มีความฉลาด มั่นใจในตัวเอง และมีอดีตเป็นเพื่อนซี้วัยเรียนของเมษา ก่อนที่ปัจจุบันจะกลายเป็นคู่อริของกันและกัน เธอและเมษาเคยจับมือกันทำยูทูปแชนแนลสืบคดีแปลกๆ ในโรงเรียนจนมีชื่อเสียง แต่ก็มีเหตุให้แยกทางกันเดินโดยถาวร แต่หลังจากเรียนจบเธอกลับได้มาเจอกับเมษาในที่ทำงานอย่างบังเอิญ และทำให้เธอถูกดึงเข้าไปในการสืบหาฆาตกรในออฟฟิศแห่งนี้ด้วยความไม่เต็มใจ แต่จำใจสืบเรื่องราวไปโดยปริยาย ถึงแม้จะดูเป็นเรื่องไร้สาระก็ตาม เพราะตัวเองไม่ได้คิดว่า ‘บอส’ จะเป็นฆาตกร ส่วนบทที่ได้รับ  รู้สึกท้าทายเพราะคิดว่าจะได้รับบทแบบ ตลกๆ แต่สวนทางมากในบทคือ เป็นคนจริงจังกับการทำงานมาก เรื่องไร้สาระคือไม่ใส่ใจ เป็นคนสวย มั่นใจ และฉลาดสุดๆ ส่วนฉากที่รู้สึกชอบมากในภาพยนตร์เรื่องนี้ เป็นฉากร้องคาราโอเกะกับเมษา คือมันน่ารักและตลกมาก ที่สำคัญเรื่องนี้ทำให้ไอซ์เจ็บตัวกับฉากบู๊ ที่อยากให้ติดตามกัน ส่วนเรื่องราวของความสัมพันธ์ระหว่างโบกี้ กับ เมษาจะลงเอยอย่างไร และความคิดแรกของโบกี้ที่ไม่เชื่อว่า ‘บอส’ เป็นคนฆ่าจะถูกหรือไม่ ต้องติดตาม


(มุกดา) มุกดา นรินทร์รักษ์ รับบท เมษา

MookDa

สาวสวย น่ารัก ประเดิมภาพยนตร์เรื่องแรกในชีวิต กับบทบาทสุดท้าทาย ของ มุกดา นรินทร์รักษ์ กับบท เมษา สาวแบ๊วประจำออฟฟิศแห่งแผนกจัดซื้อ ที่หมดไฟกับการทำงาน เธอคอยมองหาความตื่นเต้นท้าทาย อะไรก็ได้ที่ไม่เกี่ยวกับงาน เธอจึงเริ่มสังเกตพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของบอสต้นที่มีบุคลิกเปลี่ยนไปจากเหตุการณ์บางอย่าง เป็นเหตุให้เธอเริ่มเข้าไปยุ่งกับชีวิตของ ‘บอส’ เยอะขึ้น รวมถึง เข้าไปวุ่นวายในเรื่องส่วนตัว เรียกได้ว่าตั้งใจสืบเรื่องนี้มากกว่าการทำงานซะอีก และเธอคือเพื่อนสนิทของโบกี้ (ไอซ์)ในสมัยเรียน เพราะถ้าจะให้พูดถึงช่วงพีคที่สุดของเธอก็คงต้องย้อนไปถึงตอนเรียนมัธยม ในฐานะหนึ่งในคู่หู-เจ้าของยูทูปแชนแนลที่มีผู้ติดตามถึงหลักหมื่น แต่ทุกอย่างมันจบไปนานแล้ว เพราะเธอดันไปแตกคอกับโบกี้ เพื่อนสนิทที่เธอไม่เคยคิดจะหวนกลับไปคืนดีด้วยในชาตินี้ แต่เรื่องราวบางอย่างในออฟฟิศกลับพาให้เธอและโบกี้ต้องมาเจอกันและกลับมาร่วมมือกันสืบอีกครั้ง แต่ดันมีหัวหน้าฝ่ายการตลาดประจำออฟฟิศคอยขัดขวาง สำหรับบทบาทที่ได้รับในครั้งนี้เรียกได้ว่า เรื่องนี้เป็นภาพยนตร์เรื่องแรกของมุกดาอีกด้วย เจ้าตัวเผยว่าท้าทายมาก ยากมาก แตกต่างจากเล่นละครอย่างสิ้นเชิง ทั้งมุมกล้อง ทั้งแอคติ้ง โดยส่วนตัวแล้วการเล่นละครที่ผ่านมาคือมุกเล่นแต่บท ดราม่าหนัก ๆ แต่หนังคือชีวิตจริงมาก เพราะส่วนตัวเป็นโก๊ะๆ และตามคนอื่นไม่ค่อยทัน พอพี่ๆ ยิงมุกกันในบท ก็หลุดขำทุกที หรือบางซีนอย่างซีนห้องประชุมคือพีคมาก แค่เห็นหน้าพี่เผือก มุกก็กลั้นขำไม่อยู่แล้ว เพราะบริษัทนี้ไม่มีใครปกติสักคน และรู้สึกว่าตัวเองโก๊ะมากกับฉากนี้ ส่วนข้อสันนิษฐานแรกของตัวเองที่คิดว่า ‘บอส’ มีส่วนเกี่ยวข้องกับการฆาตกรรม จะเป็นจริงหรือไม่ งานนี้คงต้องเอาใจช่วยสาวน้อยกันหน่อย

(เผือก) พงศธร จงวิลาส รับบท ปั่น

Phueak

สำหรับบทบาท ปั่น ในภาพยนตร์เรื่องนี้ มีตำแหน่งเป็นหัวหน้าฝ่ายการตลาด เป็นคนเอาจริงเอาจังกับการทำงาน ไม่ค่อยเห็นด้วยกับสิ่งที่เด็กๆ พยายามจะทำ มีความเป็นผู้ใหญ่และมีความเป็นผู้นำสูง มองคนละมุมกับพนักงานในทีมการตลาด จริงจังกับการทำงาน ใช้เหตุผลและคอยไกล่เกลี่ยปัญหาต่างๆ ภายในออฟฟิศมาโดยตลอด เรียกได้ว่าไม่ว่างานไหนๆ ที่ว่ายาก ปั่นก็สามารถแก้ไข และตอบโจทย์ยากๆ จากเจ้านายได้เสมอ ต่อให้งานยุ่งแค่ไหนเขาก็รักษาการใช้ชีวิตส่วนตัวกับการทำงานได้อย่างลงตัว และเขาคือตัวกลางที่คอยเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่าง ‘บอส’ กับทีมงานคนรุ่นใหม่ในออฟฟิศ ทั้งยังห้ามปามไม่ให้ทุกคนเข้าไปยุ่งเรื่องส่วนตัวของบอสต้น โดยส่วนตัวแล้ว ปั่นไม่ปักใจเชื่อว่า บอสต้น จะเป็นฆาตกร ตามหลักฐานและการสืบค้นของพนักงานในออฟฟิศ ที่กำลังตามสืบเรื่องนี้อยู่ รวมไปถึงตัวแปรสำคัญของเรื่องนี้คือ ดร.อัง ผู้ที่เชื่อมโยงหลักฐานบางอย่างจนทำให้ทุกคนมั่นใจว่า ‘บอส’ คือฆาตกร สำหรับการรับบทเป็น ปั่น ในครั้งนี้ เผือก ถึงกับเอ่ยปากว่า ความยากของการแสดงบทนี้ คือการที่ต้องหาคาแรคเตอร์ใหม่ๆ เพื่อไม่ให้ตัวละครปั่นซ้ำกันกับที่เคยเล่นเป็นพนักงานออฟฟิศในเรื่องอื่นมาก่อนๆ โดยปกติแล้วจะเห็นเผือกในมุมของนักแสดงมาดกวน แต่ในเรื่องนี้กลับหันมาสวมบุคลิกหนุ่มวัยกลางคนที่น่าเชื่อถือ แต่บางมุมเขาก็ดูน่ากลัว  ส่วนการแสดงบทบาทนี้จะเป็นอย่างไร   ต้องไปติดตามกันในภาพยนตร์


(โอ๊ต) ปราโมทย์ ปาทาน รับบท ดร.อัง

Oat

(โอ๊ต) ปราโมทย์ ปาทาน มาทีไรก็รับประกันความฮาแบบไร้ขีดจำกัด กับมุมมองใหม่ในตัวโอ๊ต ที่พลิกคาแรคเตอร์เป็น ดร.อัง นักสืบเอกชน แอดมินเพจผู้โด่งดังจากการสืบคดี พูดเก่ง มีวาทศิลป์ โน้มน้าวใจคนได้ดี เขามาเพื่อพิสูจน์ว่าเมืองไทยมีฆาตกรต่อเนื่องอยู่จริง โดยตั้งข้อสงสัยว่าเป็น บอสต้น ฆาตกรโรคจิตที่ลงมือฆาตกรรมสาวๆ หลายรายในออฟฟิศแห่งนี้ ด้วยทฤษฎีอาชญวิทยาอันหลากหลาย ที่ถูกเชื่อมโยงหลักฐาน
ต่างๆ และยืนยันว่าบอสต้นคือฆาตกร เนื่องจากมีรูปถ่ายสำคัญ รวมถึงพฤติกรรมแปลกๆ ที่เกิดขึ้น เขาจึงถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ต้องสงสัยในการเป็นฆาตกรต่อเนื่อง แต่ในมุมกลับกันในสายตาชาวเน็ตกว่าครึ่งลงความเห็นว่า ดร.อัง โคตรกาว ซึ่งบางเรื่องมันก็มีผิดพลาดกันบ้างอ่ะนะ  ข้อมูลมันก็ไม่ครบ ผิดเพี้ยนไปบ้างเท่านั้นเอง
ซึ่งในบทบาทนี้ของโอ๊ต ปราโมทย์ จะสามารถสร้างความฮือฮาได้มากน้อยขนาดไหน ดูเหมือนจะเป็นตัวละครที่สร้างความเซอร์ไพรส์ให้แฟนๆ ได้ดีสุดๆ เพราะด้วยมุกตลกนอกบทจากโอ๊ตที่ใส่มาไม่ยั้ง และนักแสดงที่เข้าขากันเป็นอย่างดี ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ได้สร้างเสียงหัวเราะ โยนมุกกันสนั่น รับรองว่าแฟนๆ ต้องมีความสุขกันถ้วนหน้า รวมไปถึงความตลกในเรื่องนี้กับคาแรคเตอร์ของ ‘โอ๊ต ปราโมทย์’ ที่จะต้องแสดงอย่างไรไม่ให้ตลก เพราะมันย้อนแยงกับบุคลิกซะเหลือเกิน ส่วนฉากที่ชอบที่สุดและทำให้รับเล่นภาพยนตร์เรื่องนี้คือ คิดว่าตัวเองจะมีบทเข้าซีนกับ พี่ก้อง เยอะ (ส่วนตัวคือชอบมาก) แต่ผมกลับได้เล่นแค่ฉากเดียว ไม่ถึงนาทีด้วยมั้ง พีคไหมครับ คือขำมาก ส่วนจะเป็นฉากไหนนั้นไปติดตามกันนะครับ เชื่อว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะเป็นหนังอีกแนวที่ครบทุกอรรถรส และข้อสันนิษฐานของ ดร.อัง จะโคตรกาว ตามที่เขาว่ากันจริงหรือไม่นั้น ต้องมาลุ่นกัน!


(ผักกาด) พอวิไล อภิรัชฎาพร รับบท หลิน

PakKard

นักแสดงหน้าเก๋ที่รู้จักจากโฆษณาชื่อดัง (ผักกาด) พอวิไล อภิรัชฎาพร กับการประเดิมบทภาพยนตร์เรื่องแรกในชีวิต กับบท หลิน พนักงานแผนกการตลาดลูกน้อง ปั่น(เผือก) เพื่อนสนิทคนเดียวในออฟฟิศของเมษา มีนิสัยรักเพื่อน แต่ขี้มโนสุดๆ จินตนาการเตลิด ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้าน มีความเป็นเด็กในตัวเยอะ ตัดสินใจแล้วทำเลย ไม่คิดหน้าคิดหลัง และก็ชอบเรื่องสืบสวนสอบสวนอยู่แล้ว รู้สึกว่าท้าทาย ผนวกกับหลักฐานที่
ดร.อัง มีจึงทำให้ตัวเองเริ่มตั้งข้อสันนิษฐานและตามสืบจนเจอหลักฐานสำคัญที่เป็นเบาะแสสำคัญของคดีฆาตกรรมครั้งนี้ นับว่าเป็นอีกหนึ่งตัวละคร ที่ช่วยเพิ่มอรรถรสในการขับเคลื่อนการสืบสวนคดี และหล่อนยังเป็นคนแรกในออฟฟิศที่ดึงหลักฐานจาก ดร.อัง มาให้เมษารู้สึกคล้อยตามไปกับตน และยุให้เมษากับโบกี้กับมาร่วมมือกันสืบคดีอีกครั้ง เรียกได้ว่าเธอเป็นตัวแปรสำคัญที่คอยเชื่อมโยงความสัมพันธ์ มิตรภาพระหว่างเพื่อนให้กลับมาอีกครั้ง สำหรับการสวมบทบาทเป็น ผักกาด ของนางแบบสาวหน้าเก๋ คนนี้ได้ ถือว่าเป็นอะไรที่แปลกใหม่ และท้าทายการแสดงของเธอมากๆ เชื่อว่าคาแรคเตอร์ของหลินในเรื่องนี้ผู้ชมจะชื่นชอบ และหลงรักเธอ ส่วนความสัมพันธ์ของเพื่อนจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมไหม ปมปัญหาจะถูกแก้ไขได้หรือเปล่า และการเชื่อมั่นในหลักฐานที่เธอมีอยู่จะถูกต้องหรือไม่ เรามาร่วมหาคำตอบไปด้วยกัน


(นอท) สัณหณัฐ ทิราชีพ (เจ้าของเพจบ้านกูเอง) รับบท โจ๊ก

Not

(นอท) สัณหณัฐ ทิราชีพ (เจ้าของเพจบ้านกูเอง) นักแสดงหน้าใหม่กับผลงานจอเงินครั้งแรก รับบท โจ๊ก พนักงานหน้าใหม่ ตำแหน่งกราฟิกดีไซเนอร์ ประจำบริษัท นับถือหลินเป็นลูกพี่ ในเรื่องจะเรียกเขาว่าเจ้  คอยตามเขาตลอด เจ้ว่าไงผมก็ว่างั้น ไม่มีความคิดเป็นของตัวเองเท่าไร นิสัยส่วนตัวเป็นคน มึนๆ ซื่อๆ ขี้กลัว และยังเกี่ยวข้องกับอบายมุขต่างๆ ที่สำคัญเขาเป็นเจ้าของแฟลชไดร์ฟ เจ้าปัญหาที่บรรจุหลักฐานลับสุดยอด
ที่เชื่อมโยงบอสต้นเข้ากับความตายลึกลับของสาวๆ ในออฟฟิศ แต่ลึกๆ แล้วเขามีความสงสัยตัวเอง ว่าตัวเองจะเป็นฆาตกร เนื่องจากอาการประสาทหลอนจากการมั่วสุมของสิ่งผิดกฎหมาย แต่ด้วยแววตาที่ดูซื่อๆ ตรงๆ เขามักแสดงเป็นชายที่อ่อนโยน น่ารักและไร้เดียงสาจนบางทีก็ดูซื่อบื้อทำให้สาวๆ อดเอ็นดูชายคนนี้ไม่ได้
สำหรับผมในบทบาท โจ๊ก เป็นอีกหนึ่งตัวละครที่สร้างสีสันและมีเสน่ห์มากๆ  สิ่งที่คนดูจะได้เห็นคือ เขาจะได้เห็นเพจบ้านกูเองแบบขยับได้ แบบบ้าๆ บอๆ แต่จะดูใสซื่อบริสุทธิ์ ก็เหมือนตัวจริงผม ส่วนซีนที่ผมรู้สึกชอบมากๆ เป็นฉากแอคชั่นกระโดดตีลังกาข้ามหัวคน ผมดูเก่งมาก แต่ฉากนั้นผมใช้ สแตนด์อินนะ มันก็ขำดี
ผมคิดว่าหนังเรื่องนี้ให้อะไรกับคนดูหลายอย่าง อย่างตัวโจ๊กเอง ก็แฝงแง่มุมในด้านการทำงาน ไว้พอสมควร กับการเป็นเด็กจบใหม่ และเริ่มทำงานที่แรก จากเด็กขี้เกียจ ต้องมาทำงานร่วมกับคนอื่น แรงกดดันต่างๆ ส่งผลให้ชีวิตดำเนินไปอย่างไร การแก้ไขปัญหาในการทำงาน ผมว่ามันสะท้อนถึงวิถีการดำเนินชีวิตจริงได้ดีทีเดียว และบางช่วงของหนังยังมีเซอร์ไพรส์ให้คนดู ส่วนจะเป็นฉากไหนนั้นต้องรอดู บทสรุปของฆาตกรต่อเนื่องจะเป็นใคร จะใช่คนที่ถูกกล่าวหา หรือ คนที่ดูใสซื่อนี้หรือไม่ อยากให้ลองไปติดตามกัน


ภูวนิตย์ ผลดี และ ศรณ์พัฒน์ ปราการะนันท์ ผู้กำกับภาพยนตร์

ภูวนิตย์ ผลดี ผู้กำกับฝีมือดีจากภาพยนตร์เรื่อง โอเวอร์ไซส์ ทลายพุง และ ศรณ์พัฒน์ ปราการะนันท์ 2 ผู้กำกับ กับบทบาทการกำกับและเขียนบทในภาพยนตร์เรื่องใหม่ “MY BOSS IS A SERIAL KILLER บอสฉัน ขยันเชือด” ภาพยนตร์แนวดราม่า-คอมเมดี้ โดยเรา 2 คนได้รับโจทย์มาให้เล่าเรื่องด้วยพลอตง่ายๆ หยิบยกเรื่องราวของสังคมมาเล่าผ่านตัวละครในออฟฟิศ โดยมีจุดเริ่มต้นของเรื่องคือ อยากสร้างความแปลกใหม่ให้กับหนังไทย ที่แตกต่างไปจากเรื่องอื่นๆ เป็นหนังดราม่าชีวิตของคนส่วนนึง แต่เล่าเรื่องให้ทันสมัย แม้พลอตเรื่องจะออกแนวฆาตกรรม และมาพร้อมเหตุการณ์ในสถานการณ์ที่ค่อนข้างเป็นเอกลักษณ์โดดเด่นเฉพาะตัว แต่มันก็สามารถเกิดขึ้นได้จริงบนโลก อาจมองได้เหมือนกันว่ามันคือเหตุการณ์จริงเลย ตามข่าวหรือเรื่องเล่าต่างๆ ในสื่อออนไลน์ แล้วเราเอามาดัดแปลงทำเป็นหนังจอใหญ่ มันจึงมีความสมจริง หนังเรื่องนี้แสดงให้เห็นข้อคิดบางอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการฆาตกรรม การสร้างปมในใจจนกลายเป็นการเก็บกด รวมไปถึง ความแตกแยกระหว่างเพื่อนฝูง ทีมงานพยายามอย่างมากเพื่อพลิกแพลงความคาดหวังของคนดู และหวังว่าพวกเราจะทำสำเร็จในหนังเรื่องนี้ ที่สำคัญเราทั้ง 2 คนหวังว่าผู้ชมจะได้ความบันเทิงกลับไปแน่นอน ภายใต้ความบันเทิงนั้นมันได้สอดแทรกเรื่องราวบางอย่างกับไปให้คิดแบบหลากหลายแง่มุม

ตัวอย่างภาพยนตร์ :  https://fb.watch/2xNNMpUkEk/