ภาพยนตร์ไทยแห่งปี นับถอยหลังอีก 20 วัน ก่อนที่เหล่า ‘จอมขมังเวทย์’ จะปรากฏกายฟาดศาสตราและคาถาอาคมใส่กันแบบไม่ยั้งใน จอมขมังเวทย์ 2020 (สอง-ศูนย์-สอง-ศูนย์) หนังแอ็กชันฟอร์มยักษ์ส่งท้ายปีจากค่ายสหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล ที่เข้าฉายพร้อมกันในวันที่ 14 พฤศจิกายน 2562
.
หนังได้ ต้อม-ปิยะพันธุ์ ชูเพ็ชร์ ผู้กำกับที่เคยสร้างโลกแห่งไสยเวทย์เอาไว้ในภาคแรก กลับมาสานต่อเรื่องราวในปี 15 ปีต่อมาผ่านตัวละคร วิน (หมาก-ปริญ สุภารัตน์) และ ก็อด (ก๊อต-จิรายุ ตันตระกูล) ชายหนุ่มจากโลกยุคใหม่ที่มีเส้นทางชีวิตแตกต่างเหมือนเส้นขนาน แต่ถูกวงเวทย์แห่งอาคมดึงดูดให้พวกเขาเข้าหาและมาปะทะกัน โดยมี อิทธิ (นก-ฉัตรชัย เปล่งพานิช) จอมขมังเวทย์รุ่นเก๋าที่หายสาบสูญไปหลังจบภาคแรก กลับมาเชื่อมรอยต่อระหว่างยุคสมัยเข้าด้วยกัน
.
สิ่งที่เปิดเผยออกมาในตัวอย่างภาพยนตร์ล่าสุด เราจะได้เห็นจุดเริ่มต้นการเป็นจอมขมังเวทย์ของวิน โดยมีอิทธิคอยให้คำแนะนำเพื่อไม่ให้วินถลำลึกสู่ด้านมืดของพลังแบบที่เขาเคยเป็นมาก่อน และมีก็อดเป็นตัวแทนจอมขมังเวทย์รุ่นใหม่ที่มีพลังสูงส่งจนควบคุมจิตใจคนได้ เป็นศัตรูตัวฉกาจที่ต้องจัดการให้ได้ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป
.
นอกจากงานสเปเชียลเอฟเฟกต์สวยงาม สมจริง ที่ขยายขอบเขตแสดงให้เห็นเวทย์มนตร์ในภาพยนตร์ไทยยังมีอนาคตไปต่อได้อีกไกล ความน่าสนใจอีกอย่างใน จอมขมังเวทย์ 2020 คือการผสมผสานความเชื่อเรื่องเวทย์มนตร์โบราณ นำเสนอออกมาในยุคสมัยใหม่ที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีพัฒนาไปไกล จนหลายคนมองว่าคาถาอาคมเป็นเพียงเรื่องงมงายไร้สาระ
.
เพื่อแสดงให้เห็นว่ามนุษย์มี ‘พลังงาน’ บางอย่างไหลเวียนอยู่รอบตัว และไม่ได้ปรากฏตัวออกมาแค่ในรูปแบบคาถาอาคมลึกลับเพียงอย่างเดียว แต่ ‘เวทย์มนตร์’ ยังหมายถึงพลังงาน ความรู้สึก และความเชื่อที่ทรงพลังมากพอจะผลักดันให้มนุษย์คนหนึ่งทะลุขีดจำกัดเพื่อผลักดันไปสู่เป้าหมายที่วางไว้ให้สำเร็จ


เจอกัน 14 พฤศจิกายนนี้  ที่โรงภาพยนตร์นะจ้าาา